หมดยุคทอง กล้วยด่างราคาแสนแพง เจ้าของร้านอาหารตามสั่งนำใบกล้วยด่างราคาแสนกว่าบาทนำมาตัดทำเป็นใบตองรองในอาหารขายดีของร้าน ข้าวกระเพราถาด ได้รับความสนใจจากลูกค้า แปลก ดูดี มีราคา หลังจากที่ซื้อหน่อกล้วยด่างมาเพื่อจะขยายพันธุ์ขาย เกิดความนิยมลดลงอย่างรวดเร็วขายไม่ได้ อยากจะฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ “อะไรที่มันเกินความจริง ศึกษาทบทวนให้ดี เดียวจะเป็นแบบตน”
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ชื่อร้านหน้าอำเภอ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ อยู่ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอสามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายสำเภา แป้นคุ้มญาติ เป็นเจ้าของ ลักษณะเป็นร้านอาหารชั้นเดียวไม่ใหญ่มาก เป็นธุรกิจแบบครอบครัว พ่อแม่ลูกช่วยกันทำ โดยเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง บริเวณหน้าร้านเจ้าของได้นำเอากล้วยด่างพันธุ์ต่างๆที่เพาะไว้ที่บ้านนำมาปลูกลงกระถางและประดับหน้าร้านเป็นสีสันต์ได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งได้ตัดใบตองกล้วยด่างมารองอาหารแทนที่จะต้องไปซื้อใบตองกล้วยน้ำหว้าจากตลาดมา
โดยอาหารทุกชนิดที่ใส่ถาดทางร้านก็ไม่ได้ขึ้นราคาแต่อย่างใดก็ยังคิดราคาเดิม 59 บาท หลังจากซื้อมากล้วยแดงอินโดมาหน่อละ50,000 บาท จำนวน 2 หน่อ ฟลอริดา หน่อละ 15,000 บาทจำนวน 2 หน่อและอื่นรวมมูลค่ากว่าแสนบาทเพื่อจะนำมาขยายพันธุ์ขายแต่กับว่าความนิยมกล้วยด่างได้ลดความนิยมอย่างรวดเร็ว จนกล้วยด่างที่ปลูกไว้ขยายพันธุ์มีจำนวนมากขึ้นออกต้นนับ100ต้น แต่กับขายไม่ได้ ได้นำเอาใบกล้วยด่างมารองอาหารในถาด ที่ร้านเป็นการดึงดูดลูกค้าและได้รับผลตอบรับดี จนมีลูกค้าที่ทราบต่างมาอุดหนุนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้นเจ้าของร้านยังพาผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเพื่อชมกล้วยด่างหลายๆชนิดที่ซื้อหน่อมาปลูกเพื่อขยายพันธุ์จำหน่ายที่ผ่านมากล้วยด่างขยายพันธุ์ไวมากมาจากซื้อหน่อมาประมาณ 5 หน่อปัจจุบันมีนับร้อยต้นที่กำลังแตกหน่อก็อีกมาก บางต้นก็ออกลูกแล้วบางก็มี บางส่วนเพื่อนๆมาขอไปปลูกก็ให้ไม่คิดเงิน สิ่งที่ทำไม่ใช่เป็นการประชด แต่อยากจะฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ “อะไรที่มันเกินความจริง ศึกษาทบทวนให้ดี เดียวจะเป็นแบบตน”
นายสำเภา แป้นคุ้มญาติ อายุ 59 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า ต้องย้อนไปเมื่อก่อนตนเองคิดว่าจะทำกล้วยด่างให้เป็นธุรกิจ คือได้ดูข่าวเขาทำกล้วยด่างกัน เพาะแล้วขายหน่อพันธุ์ได้ต้นหนึ่งราคาเป็นหมื่น ก็เลยเป็นแรงบันดานใจที่จะทำเป็นธุรกิจ ซึ่งตอนนั้นที่ซื้อกล้วยด่างมาตกต้นละ 5หมื่นถึง 1แสนต้นๆ ซึ่งของตนเองก็มี แดงอินโด, ฟลอริด้าด่าง, ตานีด่าง, และกล้วยปาปัว (กล้วยป่าด่าง) ตอนนั้นที่ลงทุนซื้อมารวมๆ แล้วก็แสนนิดๆ เพราะเราทุนน้อย และคิดว่าจะปลูกเป็นต้นตั้งแม่ไว้เพื่อจะเพาะหน่อพันธุ์มาขายให้มันเกิดรายได้ เห็นเขาขายกันหน่อละ 2-3 หมื่น เราก็นึกในใจว่าจะขายต้นละสัก 5,000 ก็พอ แต่กลายเป็นว่าพอเราปลูกปุ๊บกระแสมันก็เริ่มตกลงไป จากต้นเป็นหลักหมื่นหลักแสน เหลือต้นละไม่กี่ร้อยถึงหนึ่งพันต้นๆ และตั้งแต่ทำมาก็ขายแทบไม่ได้เลย ตอนนี้ก็มีแต่แจกซะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนี้ผมก็ทำใจได้แล้ว แต่ก็ด้วยที่บ้านผมเป็นร้านอาหารขายกระเพราถาดอยู่แล้ว
ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ต้องไปซื้อใบตองที่ตลาดมารองถาดทุกวันอยู่แล้ว ก็เลยเกิดแนวคิดว่า กล้วยเราก็มีก็ไม่ต้องไปซื้อใครเลยตัดเอามารองเป็นกระเพราถาด พอลูกค้ามากินแล้วเห็นก็ทักว่านี่มันกล้วยด่างนี่เอามารองได้ยังไง มันขายไม่ได้แล้วก็เลยเอมารองถาดคืนความสุขให้ลูกค้าดีกว่า ได้ทานข้าวแล้วก็มีใบตองกล้วยด่างมารองถาด มันก็แปลกตาดี แต่บางคนเห็นแล้วก็รู้สึกชอบขอซื้อต้นไปก็มี
จากนี้ก็คิดว่าจะใช้กล้วยด่างรองถาดข้าวไปตลอด เพราะที่บ้านมีกล้วยอยู่เป็นร้อยๆ ต้น ผมก็จะใช้ใบตองของผมนี่แหละรองถาดข้าวต่อไป ส่วนทิศทางของกล้วยด่างตอนนี้ผมไม่แน่ใจ มันคงแล้วแต่กระแส แต่ผมคิดว่าจากราคาหลักหมื่น หลักแสนมาเหลือแค่หลักร้อยมันก็ไม่ใช่แล้ว มันเหมือนกับเราไปเห่อตามกระแสเลยทำให้เราต้องมาเป็นแบบนี้ ผมคิดว่าต่อไปถ้าจะทำอะไร แล้วอะไรที่มันเกินความจริงก็ต้องทบทวนให้ดีๆ ศึกษาให้ดีๆ ไม่งั้นก็จะเป็นแบบผม
นายจำลอง เหม่นแหลม นายช่างโยธา อบต.ศาลาลัย ลูกค้า กล่าวว่า ตนเองมากินข้าวที่นี่บ่อยเพราะรสชาติอาหารอร่อย แต่ตอนนี้ที่แปลกตาไปคือใบตองที่ใช้รองถาดข้าว ตนสังเกตว่าเป็นใบตองของกล้วยด่างซึ่งเคยมีราคาแพงมาก แต่ปัจจุบันส่วนตัวผมเองคิดว่าราคาน่าจะยังดีอยู่ และวันนี้ใบตองที่รองถาดข้าวของผมเป็นแดงอินโด แต่ผมอยากได้ด่างฟลอริด้า แต่ถึงเขาจะใช้ใบตองราคาแพงมารองจานแต่ทั้งราคา และรสชาติก็ยังเหมือนเดิม