จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดอาคารด่านพรมแดนสิงขร พร้อมให้บริการประชาชน รองรับการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน-และการท่องเที่ยว โดยพบว่าในปี 2563 มีมูลค่าการค้าชายแดน 1,168 ล้านบาท และในปี 2564 เหลือมูลค่าการค้าชายแดนเพียง 331 ล้านบาทจากสถานการณ์โควิด ขณะที่ตัวเลขปี2565 ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม รวม148 ล้านบาท ซึ่งประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบฯ มั่นใจเมียนมาจะมีการพิจารณาเปิดให้มีการผ่านเข้าออกของบุคคล2 ประเทศทางบกต่อไป
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565 นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธี เปิดหน่วยบริการที่อาคารด่านพรมแดนสิงขร หรือ CIQ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายธนนท์ พรรพีพาส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ ,นางสาววรรณี ภู่หอมเจริญ นายด่านศุลการกรประจวบคีรีขันธ์ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ฝ่ายปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ด่านตรวจพืช ด่านตรวจสัตว์ และด่านตรวจสัตว์น้ำ ด่านตรวจควบคุมโรค ผู้แทนจากสมาคมส่งเสริมพัฒนาการค้าการลงทุน ประจวบ-มะริด หอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนภาคเอกชนต่างๆ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดสรรงบประมาณก่อสร้างองค์ประกอบโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะด่านสิงขร ประกอบด้วย อาคารด่านพรมแดน อาคารที่ทำการตรวจสอบ ถนนผ่านแดน ถนนภายในและภายนอกโครงการ อาคารบริการประชาชน และการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างการส่งมอบทรัพย์สินให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าขณะที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้เตรียมความพร้อมการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ดังนั้นคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการพื้นที่อาคารด่านพรมแดน โดยได้มีมติให้หน่วยงานที่มีภารกิจให้บริการประชาชนที่อาคารด่านพรมแดนสิงขร อาทิ ด่านศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจควบคุมโรค ด่านกักกันสัตว์ ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้ให้พร้อมปฏิบัติงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 โดยปัจจุบัน”จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร”ยังคงผ่อนผันให้เฉพาะการขนถ่ายสินค้าข้ามแดนเท่านั้น ส่วนการเปิดให้มีการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ขณะนี้ยังต้องรอการเจรจาเพื่อทำความตกลงร่วมกันกับทางการเมียนมาอีกครั้งเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติระหว่าง 2 ประเทศภายใต้เงื่อนไขของจุดผ่อนปรนพิเศษ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลเมียนมาอนุญาตให้บุคคลเข้า และออกได้ ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศ เพราะเรามีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่อาหารด่านพรมแดนสิงขรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากทุกอย่างมีความพร้อมในก้าวต่อไปก็จะได้ผลักดันให้จุดผ่านแดนพิเศษด่านสิงขร เป็นด่านถาวรต่อไปในอนาคต
นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าข้อมูลการค้าชายแดน”จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร”เป็นด่านชายแดนที่มีศักยภาพสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ได้อย่างดียิ่ง โดยในปี 2563 มีมูลค่าการค้าชายแดน 1,168 ล้านบาท ในปี 2564 เหลือมูลค่าการค้าชายแดนเพียง 331 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่วนใน2565 หลังสถานการณ์คลี่คลายมีมูลค่าการค้าชายแดน ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม รวม148 ล้านบาท ซึ่งมีสินค้าที่นำเข้าเป็นอาหารทะเลร้อยละ 90 จากจังหวัดมะริด ไม่ว่าจะเป็น กุ้งมังกร ปูทะเล หอยแครง ปลา และสัตว์น้ำต่างๆอีกหลายชนิด ส่วนการส่งออกเป็นวัสดุก่อสร้าง เครื่องอุปโภค บริโภค
ด้านนายนิพนธ์ สุวรรณาวา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวยอมรับว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้เปิดอาคารด่านพรมแดนสิงขร และมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด่านสิงขร เข้าไปประจำทำหน้าที่แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีความพร้อมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่อุปกรณ์ เทคโนโลยี ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็เป็นการประกาศให้เมียนมาทราบว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรองรับการเข้าและออก ทั้งของยานพาหะนะและบุคคล ของทั้ง2ประเทศ ซึ่งมั่นใจว่า ทางเมียนมาคงจะใช้เวลาไท่นานที่จะออกประกาศให้บุคคลเข้า- ออกเพราะจะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศ ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 เกือบ 3 ปีส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนอย่างหนัก
“ช่อ” หญิงสาวอดีตล่าม ซึ่งเธออาศัยอยู่ที่บ้านมูด่อง เมียนมา กล่าวรู้สึกดีใจที่มีการเปิดอาคารด่านพรมแดนสิงขร ในครั้งนี้ ซึ่งชาวเมียนมา ที่เคยอาศัยอยู่บ้านมูด่องตรงข้ามด่านสิงขร หลังจากสถานการณ์การระบาดโควิด- ทุกอย่างหยุดชะงักไม่สามารถเดินทางข้ามมาทำงาน ซื้อของฝั่งไทยได้ และยังขาดรายได้รวมทั้ง”ช่อเอง” จากเดินเป็นล่ามพาคนไทยเข้ามาเที่ยวมะริด และพาชาวเมียนมาไปเที่ยวประจวบฯ ก็ต้องหันมารับซื้อกุ้งแม่น้ำจาก”เมืองตะนาวศรี” และส่งเข้าไทยผ่านช่องด่านสิงขร เพื่อไปที่อยุธยา และกรุงเทพ ฯ ตามออเดอร์ซึ่งก็อยากเห็นทางรัฐบาลเมียนมา ประกาศให้มีการเดินทางเข้าออกทางจุดนี้ได้โดยเร็ว เพราะชาวเมียนมา อยากที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเมื่อถึงตอนนั้น”ช่อ”บอกว่าก็พร้อมที่จักลับมาเป็นล่าวเหมือนเดิม เพราะเป็นอาชีพที่รักและชื่นชอบ
ขณะเดียวกัน “หนุ่ม” บริษัทชิปปิ้ง ที่เข้ามารับจ้างนำสินค้าเข้า และออกอยู่ที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ก็ยอมรับว่าการนำเข้าสินค้าจากเมียนมา ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าสัตว์น้ำ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาต่างๆ จากจังหวัดมะริดร้อยละ 90 ทีเหลือเป็นพืชเกษตรที่อนุญาตให้นำเข้ามาอย่างกล้วยน้ำหว้า ก็ยอมรับว่าถึงแม้ปริมาณสินค้าจะยังเข้ามามากเหมือนก่อนสถานการณ์โควิด-19 เมื่อ2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าแนวโน้มทิศทางดีขึ้น ยิ่งเมื่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เปิดอาคารด่านพรมแดนถาวรสิงขร อย่างเป็นทางการแล้วซึ่งเป็นสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน ผู้ประกอบการ ทั้งไทยและเมียนมา ก็เหลือทางเมียนมาที่จะประกาศเปิดให้มีการเข้าออกทางบก เชื่อว่าจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้ในการประชุมคณะทำงานประสานงานภาครัฐ เอกชนไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ได้มีหารือการเตรียมพร้อมเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร โดยได้ข้อสรุปเสนอคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเจรจาทำความตกลงกับฝ่ายเมียนมา ดังนี้ 1.มาตรการเดินทางเข้า-ออก ของบุคคล อนุญาตให้บุคคลที่มีสัญชาติไทยและเมียนมา เดินทางเข้า-ออก จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรเท่านั้น โดยไทยสามารถเดินทางได้ถึงจังหวัดมะริด พำนักได้ไม่เกิน 14 วัน 13 คืน ส่วนเมียนมาสามารถเดินทางเข้ามาได้เฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมืองประจวบฯ พำนักได้ไม่เกิน 4 วัน 3 คืน โดยใช้เอกสารการเดินทางเข้า-ออกได้แก่ บัตรผ่านแดน และบัตรผ่านแดนชั่วคราว อีกทั้งประชาชนทั้งไทยและเมียนมาจะต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด 2. มาตรการเดินทางเข้า-ออก ของยานพาหนะ อนุญาตให้ยานพาหนะตั้งแต่ 4 ล้อขึ้นไป ของทั้งสองประเทศ สามารถเดินทางเข้า-ออก ได้เฉพาะเพื่อการบรรทุกสินค้า โดยสามารถเข้า-ออก ได้เฉพาะพื้นที่จุดขนถ่ายสินค้าเท่านั้น ส่วนยานพาหนะอื่นๆ หรือเจ้าหน้าที่ ต้องแจ้งด่านศุลกากร และตรวจคนเข้าเมือง ก่อนการเข้า-ออก ทุกครั้ง โดยไทยสามารถสามารถนำยานพาหนะไปได้ถึงบ้านมูด่อง ต.ตะนาวศรี อ.ตะนาวศรี จังหวัดมะริด ส่วนเมียนมาสามารถนำยานพาหนะเข้ามาได้ถึงตลาดด่านสิงขร
3. มาตรการเดินทางเข้า-ออก ของสิ่งของ ก่อนการนำเข้า-ส่งออก ผู้ประกอบการต้องแจ้งรายละเอียดให้ทางจังหวัดทราบล่วงหน้าก่อน 1 วัน และต้องมีใบอนุญาตก่อนการนำเข้า-ส่งออก แสดงต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง อีกทั้งผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สำหรับการสุ่มตรวจสินค้าที่นำเข้า-ส่งออก เพื่อป้องกันสิ่งของผิดกฎหมาย 4. การเดินทางเข้า-ออก ของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันจันทร์ – เสาร์ เวลา 06.30-18.30 ของทุกวัน.)
อภิชาติ หงษ์สกุล : รายงาน